“สิงคโปร์” ประเทศเล็ก ๆ ที่มีแหล่งท่องเที่ยวสวยงามและสวนสนุกชื่อดังระดับโลกที่คอยให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่มากมาย โดยในแต่ละปีสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้จะคอยดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้เข้ามาใช้บริการและสร้างรายได้เข้าสิงคโปร์เป็นจำนวนมาก แต่หลังจากที่มีการระบาดของโควิด-19 จึงทำให้สิงคโปร์ ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็มีทีท่าว่าจะเป็นไปได้อย่างยากลำบาก
และเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคการท่องเที่ยว สิงคโปร์จึงเริ่มทยอยส่งเสริมกิจกรรมที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวโดยเริ่มจากการท่องเที่ยวภายในประเทศ ภายใต้โครงการ “Singapore Rediscovers” อาทิเช่น เปิดสวนสนุกและสวนสัตว์ให้ประชาชนในประเทศให้เข้าชมได้ตามปกติ
ขณะที่ภาคธุรกิจอย่าง “สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส” ก็ได้เปิดบริการ “Restaurant A380” หรือร้านอาหารภายในเครื่องบินแอร์บัส A380 เพื่อให้ผู้โดยสารได้สัมผัสบรรยากาศการทานอาหารบนเครื่องบินเสมือนขึ้นบินจริง แต่เครื่องบินไม่ได้บินขึ้น รวมถึงธุรกิจเรือครุยส์ก็เปิดบริการ “cruise to nowhere” ของบริษัท “เวิลด์ดรีม” ซึ่งเปิดให้ชาวสิงคโปร์ขึ้นเรือสำราญเพื่อสัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารและที่พักเหมือนการล่องเรือ แต่เป็นการล่องเรือรอบประเทศก่อนจะกลับมาจอดที่เดิม กิจกรรมเหล่านี้ต่างได้รับการตอบรับจากประชาชนในสิงคโปร์เป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามสิงคโปร์ยอมรับว่าการท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างเดียวจะไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวได้มากพอ ดังนั้นสิงคโปร์ยังคงต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติ รัฐบาลจึงเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวบางประเทศอย่างบรูไน นิวซีแลนด์ เวียดนาม จีน และนักท่องเที่ยวจากรัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย เดินทางมาได้โดยไม่ต้องกักตัว ซึ่งไฟลต์แรกของนักท่องเที่ยวจีนได้มาถึงสิงคโปร์เมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา
และล่าสุด รัฐบาลสิงคโปร์และฮ่องกงได้มีข้อตกลงเตรียมเปิด “travel bubble” ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย.นี้ ซึ่งเป็นโครงการท่องเที่ยวระหว่าง 2 ประเทศแบบไม่ต้องกักตัวทั้ง 2 ฝั่ง โดยรัฐบาลทั้ง 2 เชื่อมั่นว่าแต่ละประเทศสามารถควบคุมโรคโควิด-19 ได้แล้ว นักท่องเที่ยวเพียงแค่ต้องมีเอกสารทางการแพทย์รับรองว่าไม่ติดเชื้อโควิด-19 ก็สามารถเดินทางได้เลย ซึ่งทันทีที่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ประชาชนในสิงคโปร์ต่างให้ความสนในกับโครงการดังกล่าวเป็นจำนวนมาก และส่งผลให้ตั๋วเครื่องบินระหว่างสิงคโปร์และฮ่องกงมีราคาที่สูงขึ้นและถูกจองจนเต็มในระยะเวลาไม่นาน
หากโครงการนี้ผ่านไปด้วยดีสิงคโปร์ก็กำลังมีแผนที่จะขยายโครงการดังกล่าวไปยังประเทศอื่นๆ ที่มีการควบคุมโรคได้อย่างดีมากขึ้น และนั่นก็หมายถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน นักท่องเที่ยวจากประเทศไทยอดใจรออีกนิดนะคะ แล้วเจอกันที่สิงคโปร์ในเร็วๆ นี้ค่ะ
