Image Credit: Changi Airport Group

พูดถึงสนามบินชางงีของสิงคโปร์ ทุกคนต่างก็รู้กันดีว่าเป็นสนามบินที่ติดโผรายชื่อสนามบินที่ได้รับรางวัล สนามบินยอดเยี่ยมของโลกมาโดยตลอด ปีนี้สิงคโปร์ก็ยังคงครองตำแหน่งดังกล่าวมาเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันแล้ว

และด้วยความที่เป็นแชมป์มาโดยตลอด บวกกับความคับคั่งของเที่ยวบินเข้าออก รวมถึงจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปีนี้สิงคโปร์จึงได้เปิดตัวอาคารผู้โดยสารแบบไฮเท็คหลังใหม่เพื่อยกระดับความเป็นแชมป์ และเพื่อมารองรับการเติบโตของของธุรกิจการบินของสนามบินชางงี โดยอาคารผู้โดยสารหลังใหม่นี้ใช้ชื่อว่า Terminal 4 หรืออาคารผู้โดยสารหมายเลข4 ซึ่งก็ตั้งชื่อตามลำดับการสร้างของตัวอาคารนั่นเองค่ะ

ตัวอาคารผู้โดยสารหมายเลข4 มีกำหนดการเปิดให้ใช้งานจริงปลายปีนี้ (2017) แต่ได้ทำการเปิดให้ประชาชนได้เข้าชม และทดลองใช้บริการสนามบินไฮเท็คแห่งนี้กันแบบเล่น ๆ ในช่วงวันที่ 7-20 สิงหาคม ที่ผ่านมา ทางทีมงานเลยได้โอกาสตามไปซอกแซกเก็บภาพในงาน Terminal 4 Open House มาฝากกันค่ะ

คำแรกที่อุทานออกมาเมื่อก้าวเข้าไปในตัวอาคารผู้โดยสารแห่งนี้คือ “ว้าวววว”  เพราะทุกสิ่งทุกอย่างดูโอ่อ่าราคาแพงเกรดพรีเมี่ยมไปหมด ที่สะดุดตามากที่สุดคือเราจะเห็นการตกแต่งในหลายส่วนเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมแปลกตา พอสืบไปสืบมาเลยทราบว่า แรงบันดาลใจในการตกแต่งสนามบินแห่งนี้ก็คือ กลีบของดอกกล้วยไม้ ซึ่งถือกันว่าเป็นดอกไม้ประจำชาติของสิงคโปร์ ทางสนามบินเลยใช้เป็นไอเดียหลักในการตกแต่งตัวอาคารไว้ในทุกส่วนตั้งแต่เพดาน ยันพรมในสนามบินเลยค่ะ

อันนี้ภาพบางส่วนที่สังเกตได้ คือมีตั้งแต่ไฟเพดาน ยันพรมจริงๆ แม้แต่ถังขยะยังคุมธีมสามเหลี่ยมเลยคิดดู เรียกว่าทีมออกแบบที่นี่เก็บหมดทุกเม็ดเลย:

นอกจากการตกแต่งที่สวยงามแปลกตากว่าอาคารอื่น ๆ ทั้งสามของสนามบินชางงีแล้วนั้น ตัวอาคารผู้โดยสารหมายเลข4 นี้ยังมีความต่างแบบสุด ๆ อีกหนึ่งอย่างก็คือ มีการติดตั้งระบบการใช้งานแบบอัตโนมัติ หรือที่เรียกว่า Fast and Seamless Travel (FAST) โดยผู้โดยสารสารมารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเองตั้งแต่ เช็คอิน เลือกที่นั่ง โหลดกระเป๋า ผ่านตม. และขึ้นเครื่อง โดยไม่ต้องมีพนักงานมาคอยให้บริการอีกต่อไป 

และเพื่อให้เห็นว่าสนามบินชางงีอาคารหมายเลข4 แห่งนี้มันว้าวได้ถึงระดับไหน เราไปดูรูปประกอบพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ 

Self Check-In (ระบบเช็คอินด้วยตัวเอง)

ผู้โดยสารสามารถทำการเช็คอินผ่านเครื่องเช็คอินแบบอัตโนมัติ เพื่อปริ้นบัตรขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) และแท็กติดกระเป๋าตามจะนวนกระเป๋าที่เราต้องการโหลดใต้เครื่อง ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมาก

Automated Bag-Drop (จุดตรวจสัมภาระแบบอัตโนมัติ)

หลังจากที่ได้บัตรขึ้นเครื่องและแท็กติดกระเป๋าแล้ว ผู้โดยสามารถนำกระเป๋าเดินทางที่ติดแท็กแล้วมาหย่อนลงเครื่องตรวจสัมภาระอัตโนมัติได้ทันที หากกระเป๋ามีสิ่งของอันตราย หรือน้ำหนักเกิน ระบบจะเรียกเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ หากไม่มีอะไรผิดปกติ ก็สามารถเข้าไปในส่วนของการตรวจคนเข้าเมืองได้เลย

Automated Immigration Gate with Facial Recognition (ระบบตรวจคนเข้าเมืองอัตโนมัติและระบบจดจำใบหน้า)

ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด สนามบินชางงีได้ติดตั้งระบบจดจำใบหน้าของผู้โดยสาร ซึ่งจะทำการเปรียบเทียบใบหน้าในหนังสือเดินทาง และการถ่ายภาพใบหน้า และการเก็บลายนิ้วมือ หากข้อมูลตรงกันก็สามารถผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองได้โดยรวยเร็ว ปัจจุบันระบบนี้จะสามารถใช้ได้เพียงพลเมืองของสิงคโปร์ และผู้ที่มีบัตรพำนักระยะยาว หรือนักท่องเที่ยวที่เคยมีการผ่าน ตม.สิงคโปร์แบบเก็บลายนิ้วมือแล้วเท่านั้น

Automated Boarding (ทางออกขึ้นเครื่องอัตโนมัติ)

สำหรับผู้โดยสารชาวสิงคโปร์ และนักท่องเที่ยวที่เคยเข้าเมืองแบบพิมพ์ลายนิ้วมือ จะสามารถขึ้นเครื่องได้ที่ทางออกขึ้นเครื่องระบบอัตโนมัติ ซึ่งก็จะช่วยให้ประหยัดเวลาในการต่อคิวรอขึ้นเครื่องได้อีกเยอะเลย

Centralized Security Screening (ระบบตรวจสอบความปลอดภัยหลัก)

ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของเครื่องสแกนและตรวจสอบความปลอดภัยขั้นสูง ผู้โดยสารจึงไม่จำเป็นต้องเอาโน๊ตบุ้ค หรือไอแพด ออกจากกระเป๋าเดินทางอีกต่อไป หากเราเดินทางพร้อมอุปกรณ์อิเลคทรอนิคต่าง ๆ เราสามารถเอาทุกอย่างไว้ในกระเป๋า วางบนถาดแล้วส่งเข้าเครื่องสแกนได้เลยทันที และนี่ก็จะทำให้ลดระยะเวลาในการยืนรอคิวตรวจสอบความปลอดภัยได้อย่างมากทีเดียว ปัจจุบันในสนามบินประเทศอื่น ๆ ผู้โดยสารต้องเสียเวลาในการเปิดกระเป๋าเอาโน๊ตบุ้ค หรือไอแพดออกจากกระเป๋า พอตรวจเสร็จก็ต้องเอากลับใส่เข้าไปใหม่ ทำให้แถวตรวจความปลอดภัยยาวและใช้เวลาค่อนข้างนาน

Petalclouds (เพทเทิลคลาวส์ หรือ ก้อนเมฆกลีบกล้วยไม้)

เพราะกลีบกล้วยไม้คือแรงบันดาลใจในการออกแบบธีมของสนามบินแห่งนี้ เราจึงจะเห็นการตกแต่งตัวอาคารผู้โดยสารเต็มไปด้วยดีไซน์ และไอเดียที่เกี่ยวกับรูปทรงของกลีบกล้วยไม้ และเพทเทิลคลาวส์ ก็คือการคลื่นไหวของกลีบกล้วยไม้ที่ให้ความรู้สึกล่องลอยเหมือนปุยเมฆ ซึ่งทำให้ผู้โดยสารเกิดการผ่อนคลายระหว่างอยู่ในอาคารผู้โดยสารแห่งนี้

Immersive Walls

จอ LED ขนาด 70×5 เมตรที่จะฉายภาพสถานที่ต่าง ๆ ที่สวยงามทั่วเอเชีย ให้ผู้โดยสารได้ดื่มด่ำระหว่างรอคิวบริเวณพื้นที่ตรวจสอบความปลอดภัย

The Travelling Family (รูปปั้นอลูมิเนียม ครอบครัวนักเดินทาง)

อีกหนึ่งงานศิลปะที่ทางสนามบินนำมาจัดแสดงให้เหล่านักเดินทางได้แวะมาถ่ายรูปเล่น โดยรูปปั้นนี้สร้างมาจากอลูมิเนียมแท้ทั้งตัว

Heritage Zone (โซนมรดกทางวัฒนธรรม)

โซนร้านค้าที่ตกแต่งรูปแบบของตึกเก่าและร้านค้าแบบเปอรานากันของสิงคโปร์ในอดีต โดยกำแพงสูงนั้นจะมีจอดิจิตอลซ่อนอยู่ และจะฉายภาพยนต์เกี่ยวกับความรักของชาวเปอรานากันในอดีตให้ผู้โดยสารได้ชมระหว่างการเลือกซื้อสินค้า หรือรอขึ้นเครื่องได้อย่างเพลิดเพลิน

จุดนั่งพักผ่อนพร้อมที่ชาร์จฟรี

จุดนั่งพักผ่อนทั่วอาคารนั้นมีที่นั่งดีไซน์แปลก ๆ ให้ได้เลือกนั่งกันได้อย่างสะดวกสบาย ที่สำคัญทุกจุดมีปลั้กไฟให้เสียบชาร์จอุปกรณ์อิเลคทรอนิคฟรี ๆ ทุกที่นั่ง เลิกกังวลกับการวิ่งหากำแพงและเสาตึกเพื่อลุ้นหาปลั้กไฟได้เลยถ้ามา Terminal 4

ทางออกขึ้นเครื่องแบบติดรันเวย์

ด้วยการติดตั้งกระจกใสตั้งแต่เพดาลของโถงรับรองผู้โดยสารขาออกและทางออกขึ้นเครื่อง จึงทำให้นักเดินทางมองเห็นทางวิ่งของเครื่องบินได้ตลอดแนวของตัวอาคาร ซึ่งถือเป็นวิวที่สวยงามมากสำหรับคนที่ชื่นชอบการชมเครื่องบิน

Les Oiseaux (The Birds)

อีกหนึ่งชิ้นงานศิลปะที่ทางสนามบินนำมาจัดแสดงก็คือ นกสามมิติที่ทำมาจากเส้นลวดสแตนเลส ซึ่งออกแบบและสร้างโดยศิลปินชาวฝรั่งเศสชื่อ Cedric Le Borgne

Automated Housekeeper (หุ่นยนต์คุณแม่บ้าน)

หมดยุกของแม่บ้านแบบเดิม วันนี้อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ได้นำหุ่นยนต์คุณแม่บ้าน ซึ่งแต่งตัวด้วยชุดแบบเดียวกันกับแม่บ้านที่อาคาร 1-2และ 3 เพื่อให้ดูแลความสะอาดพื้นของตัวอาคาร4 ทั้งหมด

เมื่อเปิดทำการแล้วอาคารผู้โดยสารลำดับที่4 นี่จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 16 ล้านคน โดยมีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 225,000 ตารางเมตร หรือเทียบเท่ากับสนามฟุตบอล 27สนามรวมกัน

ปัจจุบันมีสายการบินที่ยันให้บริการใน Terminal 4 ทั้งหมด 6สายการบินได้แก่

Cathay Pacific Airways
Korean Air
Vietnam Airlines
Air Asia
Cebu Pacific
Spring Airlines